การส่งออกของไทย เดือน พ.ค.ยังคงติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 โดยติดลบ 4.6% มูลค่า 24,340.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ 5 เดือนแรกติดลบ 1.5% มูลค่า 116,344.2 ล้านเหรียญสหรัฐโดยสินค้าเกษตรติดลบ ถึง 27%

ซึ่งในส่วนของ ผลไม้สด แช่เย็นแช่แข็ง ติดลบสูงถึง 54.8% หลังจากที่ก่อนหน้านี้เป็นบวกมาตลอด โดยมีสาเหตุมาจาก ผลผลิตผลไม้ในภาคตะวันออกลดลงแต่สินค้าที่ยังขยายตัวได้ดีคือ ข้าว ขยายตัว 5 เดือนติดต่อกัน และไก่สดแช่แข็งขยายตัวต่อเนื่อง 12 เดือน

สินค้าอุตสาหกรรมเกษตรติดลบเช่นกัน แต่มีสินค้าที่ขยายตัวคือ น้ำตาลทรายกลับมาขยายตัวหลังจากหดตัวเมื่อเดือนก่อนหน้า ผักกระป๋องและผักแปรรูป รวมถึงเครื่องดื่ม

ส่งออกยังหดตัวต่อเนื่อง เดือน เม.ย.ลดลง 7.6% – ไทยขาดดุลการค้า

แนวโน้มราคาน้ำมันดิบร่วง จากภาวะเศรษฐกิจชะลอทั่วโลก

สินค้าอุตสาหกรรมเป็นบวกในรอบ 8 เดือน (1.5%) เช่น หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ มอเตอร์ไซค์ส่วนประกอบกลับมาขยายตัว เครื่องปรับอากาศกลับมาขยายตัว หลังทั้ง 2 อย่างที่หดตัวในช่วงก่อนหน้า รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ มีมูลค่าการส่งออกที่สูงอยู่ที่ 2,531.4 ล้านเหรียญสหรัฐ

ตลาดส่งออกสำคัญที่มีการขยายตัว เช่น สวิตเซอร์แลนด์ กลุ่มประเทศ CIS โดยเฉพาะรัสเซีย (+126.1%) ยูเครน (+405%)

ส่วนปัจจัยที่มีผลต่อการส่งออกของไทย

1.ส่งเสริมพลังงานสะอาด

2.ความต้องการสำรองอาหารและราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

3.การฟื้นตัว การท่องเที่ยว การเดินทาง

นอกจากนั้น ค่าเงินบาทที่เริ่มอ่อนค่าลง และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น เช่น สหรัฐ-จีน ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกสำคัญต่อการส่งออกของไทยในระยะต่อไป

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ ยังคงเป้ามายการส่งออกปีนี้ (2566) อยู่ที่ 1-2%

นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า

ตัวเลขส่งออกเดือน พ.ค. ซึ่งติดลบ 4.6% ถือเป็นแนวโน้มที่ดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า (ติดลบ 7.6% แสดงให้เห็นว่าติดลบน้อยลง และเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งจะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่ไทยยังมีการปรับตัวที่ขึ้น และหลายประเทศยังติดลบมากกว่า และเชื่อว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ สถานการณ์การส่งออกจะเริ่มดีขึ้น ตามทิศทางของเศรษฐกิจโลก