ส.อ.ท.ไม่เอารัฐบาลเสียงข้างน้อย ห่วงแจกผลไม้ในสภาฯ
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ระบุว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หยุดปฏิบัติหน้าที่สส. กรณีถือหุ้น ITV ก็เป็นหนึ่งในซีเนริโอที่หลายคนคาดการณ์ไว้ว่าอาจเกิดเหตุการณ์แบบนี้
อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชน ยืนยันจุดยืนเดิม คือ เรียกร้องให้มีการจัดตั้งรัฐบาลให้แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้ ตอนนี้มีนักลงทุนจากหลายประเทศที่กำลังรอความชัดเจน หากการจัดตั้งรัฐบาลยิ่งล่าช้า ผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจก็จะยิ่งสูงขึ้น
ไขคำตอบ “พิธา” ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. กระทบโหวตนายกฯหรือไม่?
เปิด 2 เสียงข้างน้อย ตุลาการศาล รธน. ค้านสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ “พิธา”
นายเกรียงไกร ระบุว่า นอกจากต้องเป็นไปตามไทม์ไลน์แล้ว หน้าตารัฐบาล ก็มีผลต่อภาคเอกชน ภาคการลงทุน เช่นกัน เพราะแต่ละพรรคก็ชูนโยบายแตกต่างกันออกไป หมายความว่า เศรษฐกิจไทยจะเป็นไปในทิศทางไหน ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะเป็นใครคำพูดจาก เว็บสล็อตเว็บตรง
อย่างพรรคก้าวไกล ก็ชูจุดเด่นเรื่องการขับเคลื่อนสังคม ลดความเหลื่อมล้ำ เข้าใจโลกยุคใหม่ แต่ก็มีเรื่องหนึ่งที่ภาคเอกชนกังวล คือ นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแบบกระชาก
ส่วนพรรคเพื่อไทย มีความถนัดเชิงรุกทางเศรษฐกิจ มีประสบการณ์ เข้าใจภาคการเกษตร การส่งออก และมีนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเช่นเดียวกัน
แต่หากเป็น รัฐบาลเสียงข้างน้อย นายเกรียงไกร กล่าวว่าในฐานะภาคเอกชน ไม่เห็นด้วย เพราะอยากเห็นรัฐบาลที่มั่นคงและมีเสถียรภาพ หากมีเสียงสนับสนุนไม่เพียงพอก็จะมีปัญหาในการโหวตกฎหมาย โหวตอะไรต่าง ๆ ในสภา รวมถึงกระทบกับความเชื่อมั่นของประชาชนด้วย ยอมรับว่าสถานการณ์การเมืองตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปได้ แต่ขอให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นทางเลือกสุดท้าย ประเทศยังมีทางออกที่ดีกว่านั้น
ขณะที่นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. แสดงความเห็นในนามส่วนตัว ประเด็น นายพิธา ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ว่า ต้องจับตามองต่อไปว่า จะเกิดเกมการยุบพรรคก้าวไกลหรือไม่ ส่วนตัวรู้สึกเสียดายที่ประเทศไทยต้องเสียโอกาสได้ คนเก่ง คนดี มีอุดมการณ์ มารับใช้ประเทศ
นายอิศเรศ ยังเปิดเผยกับทีมข่าว PPTV เพิ่มเติมว่า นี่น่าจะเป็นเกมการยุบพรรคก้าวไกล และพรรคนี้เคยมีบทเรียนมาแล้วจากกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่ง กำลังจับตามองว่า กรณีของนายพิธา จะซ้ำรอยนายธนาธร อีกหรือไม่
พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลไม่ควรตั้งจากเสียงข้างน้อย เพราะเป็นการฝืนมติของประชาชน อยากให้ทั้ง 8 พรรคร่วมรัฐบาลจับมือกัน เพราะเสถียรภาพของรัฐบาลมีผลต่อเศรษฐกิจ และตอนนี้ต่างประเทศก็กำลังจับตาสถานการณ์การเมืองของไทย หากประชาชนไม่พอใจ เกิดการชุมนุมปะท้วงลุกลามบานปลายจนกลายเป็นความรุนแรง จะกระทบกับภาคการท่องเที่ยว
ขณะที่ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึง สถานการณ์การเมืองที่เริ่มมีการชุมนุมว่า ตอนนี้ยังไม่มีความกังวลเรื่องการชุมนุมประท้วงว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทย เพราะหากเป็นการชุมนุมอย่างสันติก็ไม่มีปัญหาอะไร เว้นแต่ว่าม็อบจะเกิดการลงถนน สถานการณ์รุนแรงจนกระทบการท่องเที่ยว จึงยังคงประเมินว่าเศรษฐกิจปี 2566 ยังโตในกรอบ 3-4%
ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่า หากจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าจะส่งผลต่อการเบิกจ่ายงบประมาณนั้น นายเศรษฐพุฒิ ระบุว่า การเบิกจ่ายงบประมาณปีนี้ไม่น่าจะมีปัญหา พร้อมมองว่า เรื่องงบประมาณเป็นเพียงแค่ประเด็นรอง แต่ประเด็นหลักที่น่าเป็นห่วง คือ หากจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า กระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึงยังต้องติดตามนโยบายที่จะออกมาจากรัฐบาลใหม่